วันพุธที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒

เขียน Blog แบบเบิร์ด ๆ

ขึ้น Title แบบนี้ หลายคนอาจจะคิดว่าผู้เขียนคงชื่อเบิร์ด
เปล่ามิได้ค่ะ แต่ผู้เขียนกำลังจะเขียนถึงวิธีการเขียน blog แบบ
♪♪ สบาย..♪♪..สบาย
สบายใจในการเขียนโดยไม่ต้องกังวลใจ...

อันที่จริงถ้าเป็น blogger มืออาชีพ ก็คงจะทราบกติกามารยาท
ในการเขียน blog กันเป็นอย่างดี เพราะการเขียน blog จะเหมือนการเขียนบทความ
ซึ่งอาจจะมาจากความคิดของเราเองก็จะดีที่สุดหรืออาจจะเป็นความคิด
ที่เกิดจากการรวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์ สังเคราะห์และสรุปออกมาเป็นรูปแบบของเรา
โดยเฉพาะหากมีความจำเป็นต้องใช้ข้อความของเรื่องที่นำมาก็ต้องมีการอ้างถึง
เพื่อเป็นการให้เกียรติเจ้าของเรื่องนั้น ๆ

ในที่นี้จะขออนุญาตนำเสนอ
ข้อมูลที่น่าสนใจ ซึ่งผู้เขียนเองก็ไปได้พยามยามศึกษาเพื่อให้รู้และเข้าใจ
โดยการอ่านจาก blogger ที่สามารถหลาย ๆ ท่านด้วยกัน
อาทิ คุณมะปรางเปรี้ยว

จากที่เป็นคุณครูการตลาด ก็เลยลองมอง blog แบบ 4 p's
Product - Price - Place - Promotion

product - การเขียน blog เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์

ในด้านศาสตร์ - ผู้เขียนจะต้องรู้ข้อมูลในเรื่องที่เขียนเป็นอย่างดี
ใช้ภาษาและการสะกดอย่างถูกต้อง (ควรมีพจานานุกรมฉบับย่อไว้ใกล้ ๆ ตัว)
มีภาพประกอบ (ถ้านำมาจากเว็บไซต์ อย่าลืมที่จะอ้างอิงแหล่งที่มาเสมอ)

ในด้านศิลป์ - เกี่ยวกับหน้าตา blog การใช้สีพื้น สีและขนาดของตัวอักษร
ส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น ปฏิทิน นาฬิกา การ์ตูนสวย ๆ ตัวนับสถิติคนเข้าดู blog
โลโกส่วนตัว แต่ก็ไม่ควรจะโหลดมาจนรกรุงรัง

การเขียนเนื้อหา ควรแบ่งลำดับเนื้อหา อาจจะเป็น 3 ส่วน ได้แก่ บทนำ เนื้อหาและสรุป

Price - ในที่นี้จะหมายถึงคุณค่าของ blog ซึ่งน่าจะเริ่มจากแนวการเขียน (Theme)
และมีเป้าหมายในการเขียนว่าจะเขียนให้ใครอ่าน ตั้งหัวข้อให้น่าสนใจ
สิ่งที่ไม่ควรทำ การอ้างอิงข้อความหรือนำบทความบางส่วนโดยไม่บอกที่มา
หรือแหล่งข้อมูล จะเข้าข่ายโจรกรรมวรรณกรรม
หาก copy ข้อความทั้งหมดมาจากเว็บไซต์ ควรทำ link ไปยังเว็บไซต์ดังกล่าว


Place - เลือกเว็บไซต์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายและ Theme ซึ่ง blogger คนหนึ่งอาจจะมี
หลายเว็บไซต์ที่ใช้เป้นพื้นที่ในการเขียน blog

Promotion - ควรอัพเดท blog บ่อย ๆ เท่าที่จะทำได้
ไม่ควรทิ้งระยะห่าง เนิ่นนานจนคนอ่านลืมหรือนึกว่าเลิกเขียนไปแล้ว

ทั้งหมดที่นำมาฝากกันคงจะเป็นแนวทางหรือข้อคิดในการเขียน blog อย่างมีคุณภาพ
และสามารถเป็น Blogger ที่มีลูกค้าประจำบ้างก็เป็นได้นะคะ

อ้างอิง

www.blognone.com/node/3796

มะปรางเปรี้ยว.วิธีการเขียนบล็อก: ต้องแสดงแหล่งอ้างอิงเนื้อหา http://learners.in.th/blog/tutorial4u/177008
มะปรางเปรียว. วิธีการเขียนบล็อก:เขียนบล็อกด้วยตัวเอง http://learners.in.th/blog/tutorial4u/172487
มะปรางเปรี้ยว. ข้อควรปฏิบัติสำหรับการนำภาพจากเว็บไซต์อื่นมาใช้งาน http://learners.in.th/blog/tutorial4u/185233

Web

พยายามศึกษาตามประสา Blogger ใหม่ เกี่ยวกับเรื่อง web ที่ใคร ๆ กล่าวกันถึง
Web 1.0 Web 2.0 Web 3.0 คืออะไร
พอจะได้ข้อสรุปมาว่าว่า Web 2.0 เป็น เทคโนโลยีที่กำลังใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
พัฒนาขึ้นเพื่อสร้างความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการบนเว็บไซต์
เรื่องความสามารถในการใช้ข้อมูลร่วมกันในสังคมออนไลน์
ผู้ใช้บริการจะเป็นผู้ร่วมสร้างเนื้อหาและประสบการณ์ในการใช้งานเว็บไซต์
รวมถึงการมีส่วนร่วมในการจัดการและการให้บริการสารนิเทศ

ส่วน Web 1.0 นั้น ที่ผ่านมาเป็นเพียงการที่ผู้ให้บริการนำเสนอข้อมูลให้กับบุคคลทั่วไป
โดยทำในลักษณะเดียวกับหนังสือ ซึ่งผู้อ่านมีส่วนร่วมน้อยมากในการเติมแต่งข้อมูล
พอมาถึงยุคของ Web 2.0 ที่เป็นเรื่องของการแบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง
โดยการสร้างเสริมข้อมูลสารสนเทศ ให้มีคุณค่าและมีข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด เช่น Wikipedia
ทำให้ความรู้ถูกต่อยอดไปอยู่ตลอดเวลา เป็นข้อมูลที่ได้มาจากการเติมแต่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
และจะทำให้มีข้อมูลที่ถูกต้องมากที่สุด ทั้งนี้และทั้งนั้น ข้อมูลจะถูกมากขึ้น
เมื่อเรื่องนั้นถูกขัดเกลามาตามระยะเวลายาวนาน

Web 3.0 ซึ่งกำลังมาถึงนี้ เป็นการนำแนวคิดของ Web 2.0
มาทำให้ Web สามารถจัดการข้อมูลจำนวนมาก ๆ
ซึ่งผู้ใช้ทั่วไปจะเป็นผู้สร้างเนื้อหามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ๆ
เช่น การเขียน Blog การแชร์รูปภาพและไฟล์มัลติมีเดียต่าง ๆ
ทำให้ข้อมูลมีจำนวนมหาศาล จำเป็นต้องมีการจัดการในข้อมูลดังกล่าว
ซึ่งในตอนนี้ก็คือ Tag โดยที่ Tag คือคำสั้น ๆ หลาย ๆ คำ ที่เป็นหัวใจของเนื้อหา
เพื่อทำให้เราสามารถเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ได้ด้วยการใช้ Tag เชื่อมโยงไปยังข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งแทนที่ผู้ผลิตเนื้อหาจะเชื่อมโยงเอง กลับเป็น Web จะทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูล
และวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น แล้วให้ Tags ตามความเหมาะสมแทน
โดยเมื่อได้ Tag มาแล้ว ข้อมูลแต่ละ Tag จะมีความสัมพันธ์กับอีก Tag นึงโดยปริยาย
และจะเชื่อมโยงแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ทำให้ข้อมูลมีการเชื่อมโยงกัน
ทำให้อินเตอร์เน็ตกลายเป็นฐานข้อมูลความรู้ขนาดใหญ่
ที่ข้อมูลทุกอย่างถูกเชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบมากขึ้น

อ้างอิง
http://www.thaicyberpoint.com/ford/blog/id/301/

วันศุกร์ที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒

Blogger


เคยได้อ่านมาบ้างว่า...ใคร ๆ ในยุคปัจจุบันจะมีโลกเล็ก ๆ ที่เป็นส่วนตัว
ใช้แสดงมุมมอง ทัศนคติและความคิดเห็นต่อสิ่งต่าง ๆ ซึ่งไม่ใช่การมุ่งร้าย
หรือทำร้ายใคร ๆ ทั้งยังสามารถปกปิดหรือเปิดเผยกับบางกลุ่ม
หรือจะสื่อสารกับคนทั่วโลกก็ยังได้
ผู้เป็นเจ้าของมุมมองและความคิดเห็นเหล่านั้น
จะเรียกตัวเองว่า Blogger
และโลกแห่งความคิดหรือจินตนาการที่ได้ถูกสร้างขึ้นมานั้น
ก็คือ blog หรือใช้ภาษาที่ถูกต้องคือ weblog มาจาก logging the web
และที่แห่งนี้ ก็จะมี Blogger เพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง ซึ่งใช้ชื่อว่า Panichaya

สำหรับผู้ริเริ่ม weblog หรือการเขียน blog คือ Jorn Barger
ซึ่งเป็น Blogger ชาวอเมริกัน เกิดปี ค.ศ.1953 ที่ Yellow Springs รัฐ Ohio